โพสต์โดย : airrii เมื่อ 18 ส.ค. 2568 15:34:36 น. อ่าน 2 ตอบ 0
ตาเหลืองเป็นอาการที่หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากอะไร
และเป็นสัญญาณเตือนของโรคใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ตับอักเสบ
ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาเหลือง
การเข้าใจสาเหตุและอาการของโรคนี้จะช่วยให้เรารับมือและป้องกันได้อย่างถูกวิธี
ตาเหลืองเกิดจากอะไร
อาการตาเหลืองหรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน
(Jaundice) เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบิน (bilirubin)
ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของตับ
ทำให้สารนี้ไม่สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้อย่างปกติ
ส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง
สาเหตุของตาเหลืองและโรคตับอักเสบ
ตับอักเสบ (Hepatitis)
เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อตับ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ
โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบและภาวะดีซ่าน โดยมีหลายชนิด เช่น
ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV)
ไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
ไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
ไวรัสตับอักเสบดี (HDV)
ไวรัสตับอักเสบเอฟ (HEV)
ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคตับอื่น ๆ
- เช่น ตับแข็ง ตับวาย หรือความผิดปกติของทางเดินน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดีซ่านเช่นกัน
- ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ
เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับอ่อนอักเสบ หรือภาวะที่มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรุนแรง
อาการของตาเหลืองและตับอักเสบ
๐ ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
๐ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้
๐ ปวดท้องบริเวณตับ
๐ มีกลิ่นตัวผิดปกติ
๐ ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน
วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง
รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบสามารถป้องกันได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและเอ (สำหรับบางชนิด)
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
ตาเหลืองเกิดจากหลายสาเหตุ
แต่สาเหตุที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบ
ซึ่งเป็นโรคที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หากปล่อยไว้ไม่รักษา
อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับวายหรือมะเร็งตับได้
การรู้จักสาเหตุและอาการของตับอักเสบ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี
จะช่วยให้ดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![]() |