ประกันแบบสะสมทรัพย์ระยะสั้น
vs ระยะยาว มีความแตกต่างกันอย่างไร
บทความนี้จะเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองแบบ
เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการเงินได้อย่างแท้จริง
1. ประกันสะสมทรัพย์ คืออะไรอธิบายสั้น ๆ ถึงความหมายและจุดประสงค์หลักของประกันสะสมทรัพย์
เน้นย้ำ: เป็นเครื่องมือที่ผสาน 3 ประโยชน์หลักเข้าด้วยกัน คือ การออมเงิน การคุ้มครองชีวิต และสิทธิลดหย่อนภาษี
นิยามสั้น
ๆ: เป็นการออมเงินแบบมีกำหนดระยะเวลา
โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนคืนให้เมื่อครบกำหนดสัญญา
หรือจ่ายทุนประกันให้ผู้รับผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตก่อนครบสัญญา
2. ประกันสะสมทรัพย์ "ระยะสั้น" เหมาะกับใครและมีข้อดีอย่างไรข้อดี: สภาพคล่องสูงกว่า จ่ายเบี้ยฯ จบเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินคืนภายใน 5-10 ปี และสร้างวินัยการออมในช่วงสั้น ๆ
เหมาะกับ: วัยเริ่มต้นทำงาน, ผู้ที่มีเป้าหมายทางการเงินระยะกลาง, ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแบบผูกพันน้อยปี
3. ประกันสะสมทรัพย์ "ระยะยาว" ตอบโจทย์เป้าหมายใหญ่ข้อดี:
ผลตอบแทนรวมสูงกว่าในระยะยาว (เมื่อเปรียบเทียบกับเงินต้นที่จ่าย),
ความคุ้มครองชีวิตสูง,
เหมาะเป็นเครื่องมือหลักในการเก็บเงินเกษียณและสร้างความมั่นคงในระยะยาว
เหมาะกับ: ผู้ที่วางแผนเกษียณ, หัวหน้าครอบครัวที่ต้องการสร้างมรดก, ผู้ที่ต้องการออมแบบยาวนานและมีวินัยการเงินสูง
4. เทคนิคเลือกประกันสะสมทรัพย์ให้ "คุ้มค่า" ที่สุดดู "เป้าหมาย" เป็นหลัก: กำหนดก่อนว่าเงินก้อนนี้จะใช้เมื่อไหร่? ถ้าใช้ใน 10 ปี เลือกสั้น, ถ้าเก็บเพื่อเกษียณ เลือกยาว
ตรวจสอบ IRR (Internal Rate of Return): ดูผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจริง ๆ ไม่ใช่แค่ตัวเลขเงินคืนรวม
คำนวณกำลังจ่าย: เลือกแบบที่เบี้ยประกันไม่เป็นภาระเกินไป เพราะหากยกเลิกกลางคัน อาจขาดทุนได้
สิทธิลดหย่อนภาษี: เช็กเงื่อนไขว่าคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปหรือไม่ (เงื่อนไขพื้นฐานในการใช้สิทธิ)
การตัดสินใจเลือกระหว่าง
ประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้น vs ระยะยาว ขึ้นอยู่กับ "ช่วงเวลา" และ
"เป้าหมาย" หากมีเป้าหมายที่แน่นอนในอนาคต
การเลือกแบบประกันที่สอดคล้องจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับผลประโยชน์สูงสุด