การแสดงความกตัญญูต่อบุพการีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้คือการมอบหลักประกันสุขภาพที่มั่นคง การซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป
ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
แต่ยังเป็นหลักประกันความอุ่นใจให้กับทั้งคุณพ่อคุณแม่และตัวคุณเองในฐานะลูก
3 เหตุผลสำคัญที่ ควรซื้อประกันให้พ่อแม่การมีประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจาก:
1.
ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น
ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ)
ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนอาจสูงมาก
การมีประกันจะช่วยลดภาระทางการเงินก้อนใหญ่ได้
2.
เพิ่มทางเลือกในการรักษาที่รวดเร็ว:
ประกันสุขภาพช่วยให้พ่อแม่เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน รวดเร็ว
และสามารถเลือกโรงพยาบาลหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการได้
3.
สิทธิประโยชน์ทางภาษี: นี่คือโบนัสที่คุณจะได้รับ!
เบี้ยประกันสุขภาพที่คุณจ่ายให้พ่อแม่ สามารถนำไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด
15,000 บาทต่อปี (ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด)
สิทธิลดหย่อนภาษีจากการซื้อประกันให้พ่อแม่การซื้อประกันสุขภาพให้บิดา-มารดา เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ลูกทุกคนควรทราบ แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด:
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี รายละเอียดที่ต้องตรวจสอบ
วงเงินสูงสุด ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี (รวมบิดาและมารดา)
รายได้ของพ่อแม่ บิดาหรือมารดา (ผู้เอาประกันภัย) ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
ความสัมพันธ์ ผู้จ่ายเบี้ยประกันต้องเป็นบุตรตามกฎหมายของบิดา/มารดา หรือเป็นคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ของบุตรตามกฎหมาย
การแบ่งจ่าย หากมีพี่น้องหลายคนช่วยกันจ่ายเบี้ยประกัน
จะสามารถนำยอดรวมเบี้ยประกันที่จ่ายจริงมาหารเฉลี่ยกัน
เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี แต่รวมกันต้องไม่เกิน 15,000 บาท
ประเภทประกัน ต้องเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น
3 ขั้นตอนสำคัญในการเลือก "แผนประกัน" ที่ดีที่สุดให้พ่อแม่การเลือกประกันสุขภาพให้ผู้สูงอายุต้องพิจารณาอย่างละเอียดเป็นพิเศษ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีประวัติสุขภาพหรือโรคประจำตัว
1. รู้จัก "ประเภท" ประกันให้ดี• ประกันสุขภาพ (Health Rider): เน้นความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย หรือค่าห้องรายวัน
• ประกันโรคร้ายแรง (Critical Illness): เน้นจ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นเงินที่สำคัญมากในการรักษาต่อเนื่อง
•
ประกันชีวิตผู้สูงอายุ: เน้นการคุ้มครองชีวิตและมีเงินคืนเมื่อครบสัญญา
หลายแผนรับทำโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ (มีระยะรอคอย 1-2
ปีสำหรับการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย)
2. ตรวจสอบ "เงื่อนไขสุขภาพ" •
ความท้าทายสูงสุด: ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว (เช่น
ความดันโลหิตสูง) บริษัทประกันบางแห่งอาจปฏิเสธการรับประกัน
หรือรับประกันโดยมีเงื่อนไข "ยกเว้น" โรคที่เป็นมาก่อน
• ทางออก:
เลือกแผนที่ระบุว่า คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อน หลังพ้นระยะเวลารอคอย
(Waiting Period) ที่ยาวนานกว่าปกติ (เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี)
หรือเลือกแผนที่รับประกันโดยไม่ต้องแถลงสุขภาพ
(แต่ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยจะเริ่มช้าลง)
3. ประเมิน "วงเงิน" และ "ค่าห้อง" ที่เพียงพอ• พิจารณาว่าโรงพยาบาลที่พ่อแม่สะดวกในการไปรักษา มีค่าห้องพักและค่ารักษาพยาบาลโดยเฉลี่ยเท่าไหร่
•
ควรเลือกวงเงินความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าห้องพักต่อวัน
และมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลรวมต่อปีที่สูงเพียงพอต่อการเข้ารับการรักษาครั้งใหญ่