หน้าแรก » เว็บบอร์ด » ห้องนั่งเล่น สำหรับพูดคุยทั่วไป » ซื้อประกันให้พ่อแม่ความอุ่นใจที่ลูกทุกคนทำได้

ซื้อประกันให้พ่อแม่ความอุ่นใจที่ลูกทุกคนทำได้

โพสต์โดย : icebabie เมื่อ 12 พ.ย. 2568 16:51:23 น. อ่าน 5 ตอบ 0

การแสดงความกตัญญูต่อบุพการีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้คือการมอบหลักประกันสุขภาพที่มั่นคง การซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด แต่ยังเป็นหลักประกันความอุ่นใจให้กับทั้งคุณพ่อคุณแม่และตัวคุณเองในฐานะลูก

3 เหตุผลสำคัญที่ ควรซื้อประกันให้พ่อแม่
การมีประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจาก:
1. ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ) ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนอาจสูงมาก การมีประกันจะช่วยลดภาระทางการเงินก้อนใหญ่ได้
2. เพิ่มทางเลือกในการรักษาที่รวดเร็ว: ประกันสุขภาพช่วยให้พ่อแม่เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน รวดเร็ว และสามารถเลือกโรงพยาบาลหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการได้
3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี: นี่คือโบนัสที่คุณจะได้รับ! เบี้ยประกันสุขภาพที่คุณจ่ายให้พ่อแม่ สามารถนำไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี (ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด)



สิทธิลดหย่อนภาษีจากการซื้อประกันให้พ่อแม่
การซื้อประกันสุขภาพให้บิดา-มารดา เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ลูกทุกคนควรทราบ แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด:
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี   รายละเอียดที่ต้องตรวจสอบ
วงเงินสูงสุด   ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี (รวมบิดาและมารดา)
รายได้ของพ่อแม่   บิดาหรือมารดา (ผู้เอาประกันภัย) ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
ความสัมพันธ์   ผู้จ่ายเบี้ยประกันต้องเป็นบุตรตามกฎหมายของบิดา/มารดา หรือเป็นคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ของบุตรตามกฎหมาย
การแบ่งจ่าย   หากมีพี่น้องหลายคนช่วยกันจ่ายเบี้ยประกัน จะสามารถนำยอดรวมเบี้ยประกันที่จ่ายจริงมาหารเฉลี่ยกัน เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี แต่รวมกันต้องไม่เกิน 15,000 บาท
ประเภทประกัน   ต้องเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น

3 ขั้นตอนสำคัญในการเลือก "แผนประกัน" ที่ดีที่สุดให้พ่อแม่
การเลือกประกันสุขภาพให้ผู้สูงอายุต้องพิจารณาอย่างละเอียดเป็นพิเศษ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีประวัติสุขภาพหรือโรคประจำตัว

1. รู้จัก "ประเภท" ประกันให้ดี
• ประกันสุขภาพ (Health Rider): เน้นความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย หรือค่าห้องรายวัน
• ประกันโรคร้ายแรง (Critical Illness): เน้นจ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นเงินที่สำคัญมากในการรักษาต่อเนื่อง
• ประกันชีวิตผู้สูงอายุ: เน้นการคุ้มครองชีวิตและมีเงินคืนเมื่อครบสัญญา หลายแผนรับทำโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ (มีระยะรอคอย 1-2 ปีสำหรับการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย)

2. ตรวจสอบ "เงื่อนไขสุขภาพ"
• ความท้าทายสูงสุด: ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว (เช่น ความดันโลหิตสูง) บริษัทประกันบางแห่งอาจปฏิเสธการรับประกัน หรือรับประกันโดยมีเงื่อนไข "ยกเว้น" โรคที่เป็นมาก่อน
• ทางออก: เลือกแผนที่ระบุว่า คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อน หลังพ้นระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ที่ยาวนานกว่าปกติ (เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี) หรือเลือกแผนที่รับประกันโดยไม่ต้องแถลงสุขภาพ (แต่ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยจะเริ่มช้าลง)

3. ประเมิน "วงเงิน" และ "ค่าห้อง" ที่เพียงพอ
• พิจารณาว่าโรงพยาบาลที่พ่อแม่สะดวกในการไปรักษา มีค่าห้องพักและค่ารักษาพยาบาลโดยเฉลี่ยเท่าไหร่
• ควรเลือกวงเงินความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าห้องพักต่อวัน และมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลรวมต่อปีที่สูงเพียงพอต่อการเข้ารับการรักษาครั้งใหญ่
  โปรโมชั่น ประจำเดือน ต.ค. 69 บริการปักหมุดประกาศฟรี (จำนวนจำกัดเพียง 5 ป้ายเท่านั้น) เหลืออีก 4 ป้าย สมาชิกที่สนใจ กรุณาส่งลิ้งค์ประกาศของท่าน มาที่อีเมล์ kree005@hotmail.com ระบุหัวข้อเรื่องว่า ปักหมุดประกาศโปรโมชั่น โดยจำกัดสมาชิกละ 1 ประกาศเท่านั้น ประกาศของท่านจะถูกปักหมุดในหน้า ลงประกาศฟรี ไม่มีการเลื่อนลงไปด้านล่างและมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น