ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การมี ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและได้รับความนิยมอย่างมาก
เพราะมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและจบในวงเงินเดียว
ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องวงเงินย่อยๆ อีกต่อไป
ไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพทำความรู้จัก ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คืออะไร
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
คือรูปแบบกรมธรรม์ที่กำหนด วงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อปี
ไว้เพียงก้อนเดียว
โดยวงเงินนี้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เกือบทุกประเภท ทั้งผู้ป่วยใน
(IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก)
โดยไม่แบ่งแยกวงเงินย่อยๆ สำหรับค่าห้อง, ค่าแพทย์, ค่ายา, หรือค่าผ่าตัด
เหมือนกับประกันสุขภาพแบบดั้งเดิม

3 เหตุผลที่ควรเลือก ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
1. หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเกินวงเงิน (IPD)
เมื่อต้องเข้ารับการรักษาเป็น
ผู้ป่วยใน (IPD) ไม่ว่าจะเป็นโรคเล็กหรือโรคใหญ่
ค่าใช้จ่ายมักพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
จะเข้ามาช่วยจัดการค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง
ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ หรือค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
ให้ใช้จ่ายได้อย่างอุ่นใจตามจริงจนกว่าจะเต็มวงเงินรวมที่กำหนด
2. ตอบโจทย์การรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง
สำหรับการเจ็บป่วยที่ต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง
หรือการรักษาโรคร้ายแรงที่ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท เช่น
การผ่าตัดใหญ่ หรือเคมีบำบัด ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายวงเงินสูง
จะเป็นเกราะป้องกันทางการเงินที่ดีที่สุด
3. อิสระในการเลือกสถานพยาบาลและแพทย์
เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง
ผู้เอาประกันจึงมีอิสระในการเลือกสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ
และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้มากขึ้น โดยไม่ถูกจำกัดด้วยวงเงินย่อยๆ
เหมือนกับแผนประกันแบบเก่า
ทำให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่รวดเร็วและดีที่สุด
เลือก ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
การเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ดีต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณ:
1.
วงเงินความคุ้มครองรวมต่อปี:
ควรเลือกวงเงินที่เหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน
โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับการรักษา (แนะนำวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป)
2.
ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD):
หากมีการใช้บริการคลินิกหรือโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
ควรเลือกแผนที่มีความคุ้มครอง OPD แบบเหมาจ่าย หรือ OPD
ที่มีวงเงินต่อครั้ง
3. ค่าห้องพัก:
ตรวจสอบว่าวงเงินเหมาจ่ายรวมค่าห้องด้วยหรือไม่
และจำกัดค่าห้องต่อคืนหรือไม่
(แผนที่ดีมักจะให้ค่าห้องที่เพียงพอต่อโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ)
4. ความคุ้มครองโรคร้ายแรง/การรักษาเฉพาะทาง: ตรวจสอบว่าครอบคลุมการรักษามะเร็ง, ไตวาย, หรือการปลูกถ่ายอวัยวะหรือไม่
5. เบี้ยประกันภัย: เปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความคุ้มครองที่ได้รับ และดูอัตราการปรับเบี้ยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น