การสร้างมรดกไม่ใช่เพียงการสะสมทรัพย์สิน แต่คือการวางแผนส่งต่อความมั่นคงทางการเงินและความรักให้กับคนที่คุณรักได้อย่างไร้รอยต่อ
กรมธรรม์ประกันชีวิต จึงเป็นเครื่องมือสำคัญและทรงพลังที่สุดในการ สร้างมรดก อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามเจตนารมณ์
บทความนี้จะเจาะลึกว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตทำงานอย่างไรในการเป็นมรดก และมีข้อดีอย่างไรที่เหนือกว่าการส่งต่อทรัพย์สินในรูปแบบอื่น
ทำไมประกันชีวิตจึงเป็น
"มรดก" ที่ดีที่สุด
กรมธรรม์ประกันชีวิตทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการส่งต่อมรดกโดยเฉพาะ
มีข้อดีที่โดดเด่นเหนือสินทรัพย์อื่น ดังนี้:
1. เงินก้อนใหญ่ที่ส่งต่อได้ทันที (Immediate Liquidity)เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต
ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับ เงินสินไหมทดแทน (Death Benefit)
เป็นเงินก้อนตามจำนวนทุนประกันที่ทำไว้ ซึ่งโดยปกติจะดำเนินการจ่ายได้
รวดเร็ว กว่าการจัดการทรัพย์สินอื่นๆ ที่ต้องผ่านกระบวนการทางศาล
หรือการแบ่งปันทรัพย์สิน
• ความสำคัญ:
เงินก้อนนี้ช่วยให้ครอบครัวที่เหลืออยู่มีสภาพคล่องทางการเงินทันที
เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ชำระหนี้สิน หรือค่าใช้จ่ายพิธีศพ
โดยไม่ต้องรอการขายหรือแบ่งทรัพย์สินอื่นที่ต้องใช้เวลา
2. ได้รับเงินเต็มจำนวนโดย ปลอดภาษีมรดกตามกฎหมายของประเทศไทย
เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนั้น
ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นฐานภาษีมรดก
(หากเป็นเงินที่บริษัทประกันจ่ายให้ผู้รับผลประโยชน์โดยตรง) และยัง
ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ด้วย
• ความสำคัญ: ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินเต็มจำนวนตามที่ระบุในกรมธรรม์อย่างแท้จริง ทำให้เงินมรดกไม่ถูกลดทอนมูลค่าลงไป
3. ความแน่นอนและเป็นส่วนตัว (Privacy & Certainty)กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นการทำสัญญาส่วนตัวระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย ซึ่งมีผลผูกพันทางกฎหมาย
• ความแน่นอน: จำนวนเงินที่ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับถูก กำหนดไว้ตายตัว ตั้งแต่วันทำสัญญา (ตามทุนประกัน)
•
ความเป็นส่วนตัว: การส่งต่อมรดกผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิตจะ
ไม่เข้าสู่กระบวนการพินัยกรรม หรือการจัดการทรัพย์สินของกองมรดกตามปกติ
ทำให้การส่งต่อรวดเร็วและเป็นส่วนตัว
ขั้นตอนการวางแผนมรดกด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิต การใช้ประกันชีวิตเพื่อสร้างมรดกต้องมีการวางแผนที่ชัดเจน:
1.
ประเมินมูลค่ามรดกที่ต้องการ:
คำนวณความต้องการทางการเงินของครอบครัวที่เหลืออยู่ (เช่น หนี้สิน,
ค่าครองชีพ, ค่าเล่าเรียนบุตร) แล้วกำหนด ทุนประกัน
ให้ครอบคลุมความต้องการนั้น
2. ระบุผู้รับผลประโยชน์ให้ชัดเจน:
สิ่งสำคัญที่สุดคือการระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ให้ครบถ้วนและชัดเจนในกรมธรรม์
และควรแจ้งให้บุคคลนั้นทราบถึงการมีอยู่ของกรมธรรม์
3. เลือกประเภทประกันที่เหมาะสม:
o ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life): เหมาะสำหรับสร้างมรดก เพราะให้ความคุ้มครองยาวนานจนถึงอายุ 90-99 ปี
o Unit Linked (ยูนิต ลิงค์): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างมรดกที่มีโอกาสเติบโตสูงขึ้นจากการลงทุนในกองทุนรวม