ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ดีกว่าแบบแยกค่าใช้จ่ายจริงไหม

คำถามนี้เป็นข้อสงสัยยอดนิยมสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันสุขภาพ คำตอบสั้น ๆ คือ "ส่วนใหญ่มักจะดีกว่าและคุ้มค่ากว่า" แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล เปรียบเทียบความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และ ประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ

ทำความเข้าใจ 2 รูปแบบหลักของประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพโดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ตามวิธีการจ่ายผลประโยชน์:

1. ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย (All-in-One/Total Limit)
คือแผนประกันที่กำหนด วงเงินสูงสุดต่อครั้ง/ต่อปี สำหรับการรักษาพยาบาลทุกอย่าง โดยไม่ได้จำกัดจำนวนเงินย่อยในแต่ละรายการ เช่น ค่าห้อง, ค่ายา, ค่าแพทย์, หรือค่าผ่าตัด ตราบใดที่ยังไม่เกินวงเงินรวมทั้งหมด
•ตัวอย่าง: วงเงินเหมาจ่าย 1 ล้านบาทต่อปี หากเข้ารับการรักษาครั้งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายรวม 500,000 บาท ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม (ตราบเท่าที่อยู่ภายในเงื่อนไขและวงเงินคงเหลือ)

2. ประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย (Scheduled Benefit)
คือแผนประกันที่กำหนด วงเงินจำกัดสำหรับแต่ละรายการ ของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เช่น ค่าห้องต่อวันต้องไม่เกิน 3,000 บาท ค่ายาต้องไม่เกิน 20,000 บาทต่อครั้ง หากค่าใช้จ่ายจริงเกินวงเงินที่กำหนด ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบส่วนต่างเอง
•ตัวอย่าง: กำหนดค่าห้อง 3,000 บาท/วัน หากนอนห้องราคา 5,000 บาท ผู้ป่วยต้องจ่ายส่วนต่างค่าห้อง 2,000 บาท/วัน



ทำไม 'ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย' ถึงได้รับความนิยมมากกว่า
ปัจจุบันผู้คนนิยมเลือกซื้อ ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย มากกว่า เพราะ:
1. รับมือกับค่ารักษาที่สูงขึ้น: ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วงเงินเหมาจ่าย ที่สูงจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝัน เช่น การผ่าตัดใหญ่ หรือการรักษาโรคร้ายแรงได้อย่างครอบคลุม
2. หมดกังวลเรื่องส่วนต่าง: คุณไม่จำเป็นต้องกังวลว่าค่าแพทย์จะเกินวงเงิน 1,000 บาท หรือค่ายาจะเกิน 5,000 บาท เพราะทุกอย่างถูกรวมอยู่ในวงเงินสูงสุดแล้ว ทำให้วางแผนการรักษาได้ง่ายขึ้น
3. ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความสะดวก: เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายยิบย่อย เพียงแค่รู้ว่าวงเงินรวมเหลือเท่าไหร่

คำแนะนำในการเลือกซื้อคือ:
เลือก 'แบบเหมาจ่าย' หาก: คุณต้องการความคุ้มครองที่ ครอบคลุมและยืดหยุ่นสูงสุด, มีงบประมาณเบี้ยประกันที่สูงขึ้นได้, และต้องการลดความเสี่ยงในการต้องจ่ายส่วนต่างเมื่อเกิดการเจ็บป่วยหนัก
เลือก 'แบบแยกค่าใช้จ่าย' หาก: คุณต้องการจ่ายเบี้ยประกันที่ ต่ำที่สุด, หรือมีสวัสดิการอื่นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่แล้ว แต่ต้องการประกันเสริมในบางรายการเท่านั้น (เช่น เป็นประกันเสริมสำหรับเด็กเล็กที่มักป่วยเล็กน้อย)