โพสต์โดย : icebabie เมื่อ 25 พ.ย. 2568 15:50:02 น. อ่าน 1 ตอบ 0
การจ่าย เบี้ยประกันชีวิต
ให้กับคู่สมรสหรือบุตรเป็นรูปแบบหนึ่งของการแสดงความรักและความรับผิดชอบทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม
เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีสำหรับเบี้ยประกันที่จ่ายให้บุคคลอื่นนั้น
มีความซับซ้อนกว่าเบี้ยประกันของตนเอง
1. เบี้ยประกันชีวิต สำหรับคู่สมรส: การใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
สามารถนำ เบี้ยประกันชีวิต ที่จ่ายให้กับคู่สมรสมาลดหย่อนภาษีได้ ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด:
• เงื่อนไขสำคัญ: คู่สมรสของ ต้องไม่มีรายได้ ในปีภาษีนั้น
• วงเงินลดหย่อน: สูงสุด 10,000 บาท
•
กรมธรรม์สุขภาพพ่อแม่:
สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้กับบิดา/มารดามาลดหย่อนได้สูงสุด 15,000
บาท/คน โดยบิดา/มารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
2. เบี้ยประกันชีวิต สำหรับบุตร: เน้นการออมและความคุ้มครอง
•
ประกันชีวิตหลัก (สะสมทรัพย์/ตลอดชีพ): เบี้ยประกันชีวิต
ที่จ่ายสำหรับบุตร ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
(ยกเว้นพ่อแม่ใช้สิทธิลดหย่อนบุตรได้ 30,000 บาท
หากเป็นบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และมีชีวิตอยู่)
•
เป้าหมายเบี้ยประกันบุตร: เบี้ยประกันชีวิต
ของบุตรส่วนใหญ่มักเป็นการวางแผนการออมระยะยาว (เช่น
ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย)
และการล็อกเบี้ยประกันสุขภาพในราคาถูกตั้งแต่อายุน้อย ๆ
ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว
* ค่าลดหย่อนส่วนตัว จำนวน 60,000 บาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
* ค่าลดหย่อนคู่สมรส จำนวน 60,000 บาท สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และคู่สมรสจะต้องไม่มีรายได้ (ได้สูงสุด 1 คน)
* ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร ที่จ่ายให้กับสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง รวมสูงสุดไม่เกินครรภ์ละ 60,000 บาท (ทั้งนี้การตั้งครรภ์ลูกแฝดจะนับว่าเป็นครรภ์เดียว) หากทั้งสามีและภรรยายื่นภาษีทั้งคู่ จะให้สิทธิลดหย่อนนี้แก่ภรรยาเท่านั้น โดยสามีสามารถลดหย่อนภาษีในกรณีที่ภรรยาไม่มีเงินได้
*
ค่าลดหย่อนภาษีบุตร คนละ 30,000 บาท
โดยจะต้องเป็นบุตรโดยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว
และต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรืออายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาอยู่
หรือในกรณีที่บุตรอายุเกิน 25 ปี ขึ้นไป แต่มีสถานะเป็นบุคคลไร้ความสามารถ
หรือเสมือนไร้ความสามารถ ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้ ในกรณีบุตรคนที่ 2
ขึ้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000
บาท
* ค่าลดหย่อนสำหรับเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเองและของคู่สมรส จำนวนคนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน กล่าวคือ สามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท (และจะต้องไม่ใช่พ่อแม่บุญธรรม) โดยบิดามารดาจะต้องมาอายุมากกว่า 60 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำระหว่างพี่น้องได้
*
ค่าลดหย่อนภาษีกรณีอุปการะผู้พิการหรือบุคคลทุพลภาพ จำนวนคนละ 60,000 บาท
และผู้พิการจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
และมีบัตรประจำตัวผู้พิการ รวมถึงจะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ
การจ่าย
เบี้ยประกันชีวิต ให้คนในครอบครัวเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างแท้จริง
แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีให้ถี่ถ้วนก่อน
เพื่อให้เงินเบี้ยที่จ่ายไปนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
|
|